เทกระจาดบิ๊กโปรเจ็กต์ 4 แสนล./ยักษ์รับเหมาเตรียมชิงเค้กก้อนใหญ่

การเริ่มศักราชใหม่ของรัฐบาลที่เปิดแคมเปญ "ประชาวิวัฒน์" ประกาศจะแจกของขวัญ 9 ชิ้นเอาใจคนจนประชาชนชั้นรากหญ้าเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต อาจจะเป็นผลงานชิ้นโบแดงของพรรคประชาธิปัตย์ที่หวังคะแนนเสียงในการเลือก ตั้งใหญ่ที่ใกล้เข้ามา แต่สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลอย่างพรรคภูมิใจไทยคงมุ่งมั่นจะผลักดันโครงการขนาด ใหญ่ภายใต้การกำกับดูแลให้มีการประมูลก่อสร้างเป็นรูปธรรมที่อาจจะส่งผลบวก ต่อการสะสมเสบียงคลังก่อนการเลือกตั้ง
+++บิ๊กล็อตรถไฟฟ้า
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ"ว่า ในปี2554จะมีโครงการขนาดใหญ่ออกประมูลให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นหลายแสนล้าน บาท โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมซึ่งโครงการถนน สะพาน รถไฟฟ้าต่างๆ จะเป็นตัวแปรสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ ได้เป็นอย่างดีทั้งผู้รับเหมา แรงงาน วัสดุก่อสร้าง การจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าที่ผลักดันให้ประมูลได้ในปีนี้คือ สายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงหมอชิต -สะพานใหม่ ระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่างาน 33,212 ล้านบาท และส่วนต่อขยายสายแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กิโลเมตร มูลค่างาน 25,900 ล้านบาท
โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-ปากเกร็ด-มีนบุรี ระยะทาง 34.5 กิโลเมตร มูลค่างาน 34,000 ล้านบาท รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วง ดินแดง-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กิโลเมตร มูลค่างาน 137,750 ล้านบาท และรถไฟสายสีแดง ระยะทาง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กิโลเมตร มูลค่างาน 75,548 ล้านบาท เป็นต้น
งานทางหลวง-กทม.
แหล่งข่าวจาก กรมทางหลวงชนบทกล่าวว่า กรมทางหลวงชนบท เตรียมนำโครงการขนาดใหญ่ 2 โครงการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาให้ดำเนินงาน ได้แก่ โครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1 และถนนเชื่อมต่อระยะทาง 4.3 มูลค่างาน 3,796 ล้านบาท ขณะนี้มีกลุ่มรับเหมาที่ซื้อแบบไปแล้วได้แก่ กลุ่มกิจการร่วมค้า STซิโน-ไทยเอ็นจีเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) กับ ไทเซอิ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และ กิจการร่วมค้า ITD-SMCC หรือ บริษัทอิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) กับ บริษัทสุมิโตโม มิตชุยคอนสตรัคชั่นฯ โดยจะเปิดซองราคาประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้
ขณะที่โครงการประมูลถนนเชื่อมถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก ระยะทาง 12 กิโลเมตร มูลค่างาน 33,212 ล้านบาท จะเปิดประมูลในวันที่ 18 มกราคม 2554 ขณะนี้มีผู้รับเหมาสนใจซื้อแบบจำนวน 7 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ ได้แก่ บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) บริษัทช.การช่าง จำกัด(มหาชน) บริษัทซิโน-ไทยฯ กำแพงเพชรวิวัฒน์ เนาวรัตน์พัฒนาการฯลฯ ซึ่งคาดว่าจะแข่งขันรุนแรง
ส่วนโครงการก่อสร้างถนนไร้ฝุ่นที่เหลือทั่วประเทศอีก 4,100 กิโลเมตร มูลค่างาน 19,000 ล้านบาท ในปีงบประมาณ 2554 จะซอยประมูลให้ผู้รับเหมาได้งานกันอย่างถ้วนหน้า จำนวน 615กิโลเมตร มูลค่า 2,800ล้านบาท
ด้านกรุงเทพมหานคร นายสัญญา ชีนิมิตร ผู้อำนวยการสำนักการระบายน้ำ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างขายแบบก่อสร้างโครงการอุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อ บริเวณที่ดินสวนรถไฟ มูลค่างาน 2,500 ล้านบาท จากลาดพร้าว-แม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่แก้ปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯที่มีผู้รับเหมาให้ความสนใจ จำนวนมาก ส่วนอุโมงค์ระบายน้ำอื่นๆอีก4โครงการจะทยอยประมูลต่อไป
+++สภาใหม่ประมูลแน่
ความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ที่จัดประกวดออกแบบกันไป แล้วนั้น นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวว่า ประมาณเดือนเมษาฯ-พฤษภาคม 2554 นี้ สำนักงานสภาผู้แทนราษฎรจะเปิดประมูลโครงการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ บริเวณสี่แยกเกียกกาย มูลค่า 12,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างยกร่างเงื่อนไขทีโออาร์เพื่อกำหนดคุณสมบัติผู้รับเหมา อย่างไรก็ดีเนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐที่มีมูลค่าสูง จึงต้องการบริษัทผู้รับเหมาที่มีสภาพคล่องที่ดีมีความชำนาญด้านงานก่อสร้าง อาคารขนาดใหญ่ๆมาแล้วไม่ต่ำกว่า10-15ปี โดยเฉพาะงานของภาครัฐ โดยโครงการก่อสร้าง จะใช้เวลา 900 วันนับจากวันเซ็นสัญญากับผู้รับเหมา และมีกำหนดแล้วเสร็จเปิดใช้งานได้ในราวต้นปี2557
"มั่นใจว่า โครงการนี้จะเกิดการจ้างงานในวงกว้าง เพราะที่ผ่านมา โครงการของภาครัฐเกินน้อย เพราะงบประมาณมีจำกัด แต่โครงการนี้ เป็นโครงการจำเป็นเร่งด่วน จึง ต้องรีบเข็นประมูลโครงการให้เร็วที่สุด "
นายนิคมกล่าวต่อถึงแผนแก้ปัญหาจราจรบริเวณสี่แยกเกียกกายว่า กทม.เตรียมวางแผนก่อสร้างสะพานเกียกกาย แม้ว่าทางสภาต้องการให้เป็นอุโมงค์ แต่ ขณะนี้ อยู่ระหว่างศึกษา เข้าใจว่า ยังไม่สามารถก่อสร้างได้ทันภายในปีนี้ รวมถึงถนนเชื่อมต่อโดยรอบอาคารรัฐสภา เพราะงบประมาณกว่า 10,000 ล้านบาท เท่าที่ทราบยังไม่ได้รับในปีงบประมาณ 2554 ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ในปีงบประมาณ 2555 ซึ่งสภาจะเกิดหน้าก่อสร้างโครงการนี้ให้แล้วเสร็จก่อนส่วนโครงข่ายจราจร เชื่อว่า กทม.จะเร่งดำเนินการเปิดใช้ได้ทัน
สุวรรณภูมิเฟส2
อีกหนึ่งโครงการขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะคลอดในปลายปี 2554 นั้นนายสมชัย สวัสดิผล รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานวิศวกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ)บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เปิดเผยว่า ทอท. อยู่ระหว่างการปรับแก้รายละเอียดของเอกสารประกวดราคา(ทีโออาร์)สำหรับเตรียม เปิดประมูลจัดจ้างกลุ่มบริษัทที่ปรึกษาบริหารจัดการโครงการ (Project Management Consultant (PMC)) เพื่อเป็นที่ปรึกษาในโครงการขยายสุวรรณภูมิระยะที่ 2 วงเงินลงทุน 62,503 ล้านบาทในการขยายการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปี เป็น 60 ล้านคนต่อปี เพื่อบรรเทาความแออัดของจำนวนผู้โดยสารและเที่ยวบินที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อ เนื่อง
ทอท.มีเป้าหมายให้ PMC เริ่มดำเนินการตั้งแต่ต้นปีงบประมาณ 2554 เป็นต้นไปจนสิ้นสุดโครงการ เป็นเวลาประมาณ 6 ปี (ระหว่างปีงบประมาณ 2554-2559) ทั้งนี้การขยายสุวรรณภูมิเฟส 2 ทอท.ใช้เงินลงทุนของทอท.เอง 45,053.214 ล้านบาทหรือราว72.08% ในช่วงปีงบประมาณ2554-2559 ส่วนที่เหลืออีกราว17,450 ล้านบาทหรือราว27.92% เป็นการกู้เงินจากต่างประเทศ ในช่วงปีงบประมาณ 2558-2559
รับเหมาตีปีกคึกคัก
ด้านนายพลพัฒ กรรณสูต นายกสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และกรรมการผู้จัดการบริษัทเนาวรัตน์พัฒนาการ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า นับว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ปีนี้ภาครัฐจะนำโครงการขนาดใหญ่ ออกมาประมูลให้เห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้นมูลค่าหลายแสนล้านบาท ซึ่งมองว่าควรจะเร่งกำหนดวันประมูลให้ชัดเจน และเมื่อประมูลแล้วควรจะเซ็นสัญญาโดยเร็ว ที่ผ่านมามีความล่าช้า ไม่เช่นนั้นแล้วการจ้างงานในส่วนอื่นจะล่าช้าไปด้วย
อย่างไรก็ดี มองว่า งานต่างๆ จะถึงมือผู้รับเหมามากขึ้นและชัดเจนมากกว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะ โครงการรถไฟฟ้าสายต่างๆ อาคารรัฐสภาใหม่ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนสายใหม่ๆ อุโมงค์ระบายน้ำ อาคารของหน่วยงานต่างๆ ฯลฯ ซึ่งบริษัทรับเหมาค่ายใหญ่ๆต้องแข่งขันประมูลงานแน่นอน โครงการละไม่ต่ำกว่า 10 ราย และหากมีงานเกิดขึ้นมากการตัดราคาก็จะไม่เกิดขึ้นมาก แต่ถ้างานออกมาน้อยก็จะเกิดการฟันราคาเพื่อชิงงานกันมากขึ้น
ทั้งนี้ในส่วนของบริษัทเนาวรัตน์ฯ ได้ซื้อแบบประกวดราคา 2 โครงการ ได้แก่ โครงการก่อสร้างถนนเชื่อมถนนราชพฤกษ์-กาญจนาภิเษก แนวตะวันออก-ตะวันตก มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทของกรมทางหลวงชนบท จากที่มีผู้รับเหมาค่ายใหญ่จำนวน 7 ราย และซื้อแบบประมูลโครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อ ของกรุงเทพมหานคร แน่นอนว่าปีนี้น่าจะเป็นปีคึกคักของผู้รับเหมา
นายกฤษดา จันทร์จำรัสแสง เลขาธิการสมาคมอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย กล่าวว่า ในปี 2554 ประเมินว่า การนำโครงการขนาดใหญ่ ออกประมูลของภาครัฐ จะมีความชัดเจนมากขึ้น ส่งผลให้ ภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างสดใสขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2553 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี บริษัทรับเหมาจะเป็นค่ายใหญ่ 5-7บริษัทที่ได้งาน อาทิ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด(มหาชน) บริษัทช.การช่างจำกัด(มหาชน ) บริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) เป็นต้น ที่เร่งสร้างผลงานและมีสภาพคล่องสูง
ส่วนค่ายกลางและค่ายเล็กจะเข้าไม่ถึงนอกจากรับช่วงงานจากค่ายใหญ่ อย่างไรก็ดี ธุรกิจเกี่ยวเนื่องจะได้อานิสงส์ เช่นวัสดุก่อสร้าง แต่จะมีผลกระทบต่อผู้รับเหมา เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงขึ้น โดยเฉพาะราคาปูนซีเมนต์ จากราคาลูกละ 100 บาทต้นๆ ได้ปรับราคาขายขึ้นอีก ลูกละ 20 บาทจากตุลาคม 2553 ที่ผ่านมารวมถึงราคาเหล็กเส้นที่ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ประกอบกับ ราคาค่าน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ที่เป็นตัวแปรสำคัญต่อต้นทุน เกี่ยวกับค่าขนส่ง
2 ค่ายชิงดำ
ดร.อนุกุล ตันติมาสน์ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานทรัพยากรมนุษย์และบริหารทั่วไปบริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยปีนี้จะมีโครงการใหม่ ๆ ของภาครัฐเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นผลดีต่อภาพรวมของธุรกิจก่อสร้างและ ธุรกิจอื่นต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี ช.การช่างสนใจเข้าร่วมประมูลงานของภาครัฐทุกโครงการ ที่มีการเปิดประมูล อย่างโครงการ ทางด่วนของ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย อีก 2 เส้นทาง อาทิ ทางด่วนศรีรัช -วงแหวนรอบนอก โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอีก 3 สัญญาที่กำลังอยู่ระหว่างการยื่นซองประกวดราคา 2สัญญาและกำลังจะเปิดอีก สัญญา 3 ภายในปีนี้ โครงการก่อสร้างถนนของกรมทางหลวง สร้างคลองระบายน้ำของกรมชลประทาน โครงการโมโนเรลของกทม. โครงการส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งหมอชิต -สะพานใหม่ เป็นต้น
" บริษัท สนใจและจะเข้าร่วมอีกหลายโครงการ เพราะต่างเป็นโครงการสำคัญที่ผู้รับเหมาให้ความสนใจ"
แหล่งข่าวจากบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า สนใจทุกโครงการที่ภาครัฐเปิดประมูลโดยเฉพาะปี2554 มีโครงการขนาดใหญ่เกิดขึ้นมาก อาทิ รถไฟฟ้า สะพาน ถนน ฯลฯ โดยขณะนี้ ได้สนใจประมูลโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณถนนนนทบุรี 1 มูลค่ากว่า3,000 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างถนนเชื่อมถนนราชพฤกษ์ -กาญจนาภิเษก มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทของกรมทางหลวงชนบท โครงการอุโมงค์ระบายน้ำบางซื่อของกทม. และโครงการรถไฟฟ้าที่สนใจร่วมประมูล
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,600 13-15 มกราคม พ.ศ. 2554
Read : 7940 times
ข่าวเด่นของหมวด
- บูม‘อู่ตะเภา’ฮับบินใหม่ รัฐอัดงบเร่งยกเครื่องเต็มรูปแบบ/ดึงแอร์ไลน์เปิดบินรับ 3 ล้านคนปี 59
- ธปท.จับตาทีวีดิจิตอล กรุงไทยเมินปล่อยกู้ได้ไม่คุ้มเสีย/Kแบงก์จ่อเรียกหลักประกันรายกลาง
- ตุนวัสดุก่อสร้างข้ามปี ยักษ์อสังหาฯ-รับเหมาเริ่มมั่นใจทยอยลงทุน/ลดเสี่ยงราคาพุ่งรับโครงการรัฐ
- เร่งล้างสต๊อกกู้รายได้ ธุรกิจพาเหรดอัดแคมเปญดูดกำลังซื้อนาทีสุดท้ายก่อนปิดตัวเลขครึ่งปี
ข่าวยอดนิยมในรอบ 3 วัน
-
มิถุนายน 09, 2015
เช็คมติครม.(9มิ.ย.)แต่งตั้งตำแหน่งสำคัญต่างๆ
-
มิถุนายน 09, 2015
พณ.เตรียมนำร่อง136 ร้านค้าทั่วประเทศ”โลคอสสโตร์” 19 มิ.ย.นี้
-
มิถุนายน 10, 2015
อีไอซีมองดบ.นโยบายปีนี้อาจลงไปอยู่ที่1.25%ต่อปี
-
มิถุนายน 09, 2015
กลุ่มเซ็นทรัลซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าชื่อดัง 3 แห่ง ในเยอรมัน
-
มิถุนายน 10, 2015
โพลเสียงแตกหนุน-ไม่หนุน "ประยุทธ์" ต่ออำนาจ
-
มิถุนายน 09, 2015
ประธานสลากฯระบุเลื่อนรางวัลเลข 3 ตัวหน้าเป็นงวด ก.ย./งัดมาตรการเฟส2คุมราคา
-
มิถุนายน 11, 2015
ปตท.-บางจากขึ้นเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 50 สต./ลิตร E85 ขึ้น 30 สต./ลิตรมีผลพรุ่งนี้(12มิ.ย.)
-
มิถุนายน 11, 2015
สรุปเหรียญซีเกมส์ ครั้งที่ 28 ( 11 มิ.ย.58)